วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ชิมก่อนซื้อ

ธุรกิจอย่างหนึ่งที่เข้าใจง่าย ติดตามง่าย และน่าจะมีศักยภาพในการทำกำไรให้กับเจ้าของอย่างงดงามในช่วงเวลาหนึ่งได้ถ้ารู้ว่าเมื่อไรจะถึงเวลาซื้อก็คือ ธุรกิจภัตตาคาร คำว่า ภัตตาคาร คนไทยอาจจะนึกไปถึงร้านอาหารระดับหรูที่ขายอาหารตามสั่ง โดยลูกค้าต้องมีโต๊ะนั่งและมีบริกรมารับคำสั่งและคอยให้บริการ แต่ในความหมายของผมก็คือ ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ขนมก็ได้ ที่มีร้านให้คนเข้าไปซื้อและนั่งรับประทาน หรือซื้อแล้วก็รับประทานกันแถวๆ นั้นเป็นหลัก ภัตตาคารในความหมายของผมนั้น นอกจากร้านที่เป็นภัตตาคารตามนิยามทั่วไปแล้วยังรวมถึง ร้านอาหารจานด่วนทั้งหลาย ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายเบเกอรี่ ร้านขายขนม หรือร้านอาหารอย่างอื่นที่มีโต๊ะหรือบริเวณให้ลูกค้ารับประทานได้
ความน่าสนใจของธุรกิจภัตตาคารนั้นอิงอยู่กับแนวโน้มหลายเรื่องที่เป็นปัจจัยเอื้ออำนวยให้ธุรกิจนี้ขยายตัวได้ในระยะยาว ข้อแรกก็คือ เรื่องของรายได้ของประชาชนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้คนสามารถที่จะรับประทานอาหารนอกบ้านกันมากขึ้น ข้อสองก็คือ ครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลงมากทำให้การทำอาหารกินเองที่ต้องเสียเวลาค่อนข้างมากเป็นเรื่องที่มีความคุ้มค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับไปซื้อกินนอกบ้านซึ่งแทบจะไม่แพงกว่า สุดท้ายก็คือการที่คนต้องเดินทางหรืออยู่นอกบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยภาระของหน้าที่การงานหรือการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในฐานะของคนกินเงินเดือน
ถ้าผมจำไม่ผิด ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นแหล่งที่ชี้บอกแนวโน้มของพฤติกรรมคนเกือบจะทั่วโลกนั้น สถิติเมื่อเร็วๆนี้บอกว่าคนกว่าครึ่งประเทศรับประทานอาหารมื้อหลักนอกบ้านหรือซื้อมารับประทาน หรือพูดง่ายๆ ไม่ได้ทำอาหารกินที่บ้านแล้ว ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้ทำอาหารกินเองมาเป็นสิบๆปีแล้ว เพราะครอบครัวมีกันเพียง 3 คน อาหารก็ทำไม่เป็น รวมถึงไม่มีเวลาที่จะทำ เพราะฉะนั้นผมจึงรับประทานอาหารภัตตาคารหลายๆแห่งในซอยแถวบ้านเกือบทุกวัน นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับ Value Investor ที่จะลงทุนในธุรกิจที่มองไปในระยะยาวแล้ว มีโอกาสที่จะเติบโตตามแนวโน้มไปเรื่อยๆอย่างมั่นคง
ข้อดีของการลงทุนในหุ้นภัตตาคารก็คือ เรามีโอกาสเห็นความเฟื่องฟูหรือการตกต่ำได้ตลอดเวลามองจากจำนวนร้านและลูกค้าที่มากขึ้นหรือน้อยลง ประการต่อมาก็คือ เราสามารถชิมอาหารหรือขนมหรือเครื่องดื่มของแต่ละร้านได้ เช่นเดียวกับบริการที่ได้รับว่าน่าประทับใจแค่ไหน และนี่คือการ วิเคราะห์หุ้นที่ดีกว่าบทวิเคราะห์จากทุกสำนักนอกจากเรื่องของความสามารถในการตรวจสอบติดตามหุ้นได้ตลอดเวลาด้วยตนเองแล้ว ธุรกิจภัตตาคารนั้นยังมีข้อดีอื่นๆ คือเป็นธุรกิจที่มีความสม่ำเสมอและไม่ผันผวนกับสภาวะต่างๆมากนัก เพราะว่าอาหารเป็นสิ่งที่คนต้องบริโภคบ่อยมาก ทุก 3-4 ชั่วโมงคนก็หิวแล้ว และสุดท้ายซึ่งหลายคนอาจไม่ทันนึกก็คือ การเป็นเจ้าของทำเลที่มีศักยภาพที่อาจมีค่าเพิ่มขึ้นมากในอนาคต
แน่นอนว่าการดูเฉพาะจำนวนลูกค้า บริการ หรือชิมรสชาติอาหารนั้นไม่พอที่จะบอกว่ากิจการจะดีหรือไม่ จำเป็นที่จะต้องมองผลการดำเนินงานทางด้านการเงินด้วย และนี่เป็นจุดสำคัญก่อนที่จะพิจารณาซื้อหุ้นภัตตาคาร เพราะกิจการภัตตาคารนั้นจะมีค่าใช้จ่ายคงที่ค่อนข้างสูงซึ่งเป็นค่าเช่าร้าน ค่าแรงพนักงาน และค่าโสหุ้ยอื่นๆ ประเด็นที่จะต้องจับตามองก็คือ เมื่อภัตตาคารเริ่มมีกำไรคุ้มกับต้นทุนคงที่แล้ว เพราะหลังจากนั้นยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกบาทจะสร้างผลกำไรให้แก่ภัตตาคารค่อนข้างมาก เพราะต้นทุนแปรผันที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารนั้นค่อนข้างจะต่ำขนาดที่ว่าขาย 1 บาทต้นทุนวัตถุดิบไม่เกิน 50 สตางค์ และนี่คือจุดที่น่าสนใจมาก เพราะหากยอดขายยังเพิ่มขึ้นเร็วและต่อเนื่อง หลังจากภัตตาคารผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว โอกาสที่จะเห็นกำไรเพิ่มขึ้นเร็วมากก็จะมีสูง
          สุดท้ายก็คือหุ้นที่ทำหรือมีธุรกิจภัตตาคารในตลาดหลักทรัพย์ที่พอจะให้เลือกพิจารณาซึ่งรวมถึงหุ้น S&P MINT CENTEL OISHI และว่าที่จริงโรงแรมทุกแห่งก็มีธุรกิจภัตตาคารอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ จะซื้อตัวไหนหรือจะซื้อเมื่อไรคิดกันเอง แต่อย่างน้อยลองชิมอาหารของเขาก่อนซื้อนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น