วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ประเภทของหุ้น

หัวใจสำคัญของการลงทุนข้อหนึ่งที่ปีเตอร์ลินช์บอกก็คือ ในการวิเคราะห์หุ้นคุณจะต้องรู้ว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นประเภทใดใน 6 ประเภทซึ่งประกอบไปด้วย
หุ้นโตช้า นี่คือหุ้นที่กำไรของกิจการเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจหรือต่ำกว่า และคุณซื้อหุ้นเหล่านี้เพื่อหวังปันผล เวลาดูว่าน่าสนใจหรือไม่คุณต้องตรวจสอบว่ามันจ่ายปันผลมาตลอดหรือไม่ ปันผลของบริษัทสม่ำเสมอแค่ไหนและมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้นหรือเปล่า นอกจากนั้นปันผลที่จ่ายคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของกำไรของบริษัท เพราะถ้าจ่ายในอัตราที่สูงมากก็อาจจะรักษาระดับปันผลนั้นไม่ได้ เมื่อบริษัทประสบกับปัญหาหรือกำไรตกต่ำลง ในเมืองไทยนี่น่าจะรวมถึงหุ้นในกลุ่มสิ่งทอ เกษตร และอาหาร เป็นต้น
หุ้นแข็งแกร่ง นี่คือหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความเข้มแข็งทางด้านการตลาด การเงิน การบริหาร และอื่น ๆ เป็นหุ้นบลูชิพที่สามารถทนต่อภาวะการณ์เลวร้ายทางเศรษฐกิจ และไม่เจ๊งง่ายๆ การเล่นหุ้นในกลุ่มนี้จะค่อนข้างปลอดภัย ถ้าคุณไม่ซื้อหุ้นที่มีค่า PE สูง และคุณดูแล้วว่าอัตราการเจริญเติบโตในระยะยาวของบริษัทพอใช้ได้ บริษัทไม่ขยายตัวไปทำอะไรนอกลู่นอกทางที่จะทำให้กิจการเสียหาย  ข้อควรตระหนักสำหรับหุ้นเหล่านี้ก็คือ หุ้นพวกนี้เป็นหุ้นช้าง เพราะฉะนั้นมันไม่สามารถบินหรือกระโดดได้ ดังนั้นเมื่อคุณได้กำไรสัก 30% ก็ปล่อยของได้แล้ว การที่หุ้นจะวิ่งขึ้นไปหลายๆเท่าในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่หุ้นเหล่านี้บางตัวคุณถือได้จนตายและอาจได้ผลตอบแทนในอัตรา 10-15% ต่อปีในระยะยาว
หุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นของบริษัทที่มียอดขายและกำไรขึ้นลงเป็นช่วงๆ ที่พอคาดการณ์ได้ การเล่นหุ้นวัฏจักรนั้น หัวใจสำคัญก็คือคุณต้องรู้จักอุตสาหกรรมนั้นดีพอ ที่จะรู้ว่าอุตสาหกรรมนั้นกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง เพราะราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นสูงสุด และกำลังจะปรับตัวลงเมื่อกำไรของกิจการขึ้นสู่จุดสูงสุด หุ้นวัฏจักรที่เห็นชัดเจนในตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ผลิตวัตถุดิบที่เป็นโภคภัณฑ์ซึ่งรวมถึง ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษ เหล็ก การขนส่งทางทะเล หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์
หุ้นโตเร็ว นี่คือหุ้นของกิจการที่กำไรเติบโตเร็ว 20-25% ขึ้นไป อย่างน้อยในช่วงเวลา 4-5 ปีข้างหน้า หุ้นเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว หรือมียอดขายเติบโตมาก การดูหุ้นโตเร็วจะต้องวิเคราะห์ว่ายังมีช่องว่างที่บริษัทจะเติบโตต่อไปอีกมาก ไม่ใช่โตต่อไปได้อีกไม่เท่าไรก็ตันแล้ว นอกจากนั้น หุ้นที่โตเร็วเกินไปซึ่งมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรงนั้นมักจะอันตราย เพราะคู่แข่งจะเข้ามามากทำให้การเจริญเติบโตไม่ยั่งยืน การเลือกหุ้นโตเร็วต้องดูว่าค่า PE ไม่สูงเกินไป ปีเตอร์ลินช์บอกว่าค่า PE ควรจะต่ำกว่าอัตราการเจริญเติบโตของบริษัท เช่นถ้าเติบโต 20% ต่อปี ก็ควรมีค่า PE ไม่เกิน 20 เท่า หุ้นโตเร็วเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการที่จะทำกำไรได้สูงสุดในความเห็นของปีเตอร์ลินช์ ในเมืองไทยหุ้นโตเร็วน่าจะรวมถึงหุ้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ บันเทิง และอาจจะสื่อสารบางส่วน เป็นต้น
หุ้นฟื้นตัว นี่คือหุ้นของกิจการที่มีปัญหาและมีโอกาสที่จะเอาตัวรอด และกลับมาทำกำไรได้ ในแง่ของปีเตอร์ลินช์ซึ่งอยู่ในสังคมของประเทศพัฒนาแล้ว เขาคิดว่าจะต้องเป็นบริษัทที่มีหนี้น้อยและมีเงินสดมาก รวมทั้งโครงสร้างหนี้จะต้องเอื้ออำนวยนั่นคือ หนี้ระยะสั้นที่ถึงกำหนดชำระคืนเร็วควรจะมีน้อย สิ่งสำคัญต่อมาก็คือ บริษัทจะต้องมีหนทางที่จะฟื้นตัว เช่น สามารถขายทรัพย์สินหรือกิจการอื่นเพื่อนำเงินสดมาใช้  ในตลาดหุ้นไทยนั้น ผมคิดว่าหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ง่ายกว่าเพราะบริษัทสามารถบีบสถาบันการเงินได้มากกว่า และโครงสร้างหนี้ก็สามารถปรับได้ง่าย การขอลดหนี้ของบริษัทก็ทำได้ง่าย เพราะกฎหมายและการบังคับใช้เอื้ออำนวยให้กับลูกหนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หุ้นฟื้นตัวเป็นหุ้นที่สามารถสร้างความร่ำรวยให้กับคนที่สามารถคาดการสถานการณ์ได้ถูกต้องและซื้อหุ้นในขณะที่ราคาต่ำติดดิน
หุ้นทรัพย์สินมาก ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้าย เป็นหุ้นของกิจการที่มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินมาก เมื่อเทียบกับราคาหุ้น สิ่งที่ต้องจับตาดูก็คือ บริษัทกำลังจะไปก่อหนี้ใหม่หรือเอาเงินไปใช้ในสิ่งที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ แต่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ จะมีนักล่ากิจการเข้ามาปลดปล่อยทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์หรือไม่
          ทั้งหมดนั้นก็คือเกร็ดวิธีอย่างย่อที่สุดของการเลือกหุ้นในแบบฉบับของปีเตอร์ลินช์ ที่ Value Investor ทุกคนควรเรียนรู้ เช่นเดียวกับนักเก็งกำไร แม่บ้าน และมืออาชีพ เช่น ผู้จัดการกองทุนต่างๆ เพราะนี่คือวิธีการลงทุนสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น