วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีเร่งความรวย

คนหนุ่มสาวมักจะใจร้อนอยากรวยเร็ว บางคนเข้ามาเล่นหุ้นได้ไม่นานและอาจจะบังเอิญได้กำไรเร็วมากก็มักจะคิดว่าตนเองจะต้องร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่พร้อมจะเป็น"เต่า"เขาพร้อมที่จะเสี่ยงเป็น"กระต่าย"เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าถ้าเขาพลาดเขาก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้
ผมเองคิดว่าวิธี"เร่งความรวย"แบบไม่เสี่ยงหรือเสี่ยงไม่มากนั้นมีอยู่ แต่นี่ไม่ใช่การทำตัวแบบ"กระต่าย"แต่เป็น "ซุปเปอร์เต่า"ที่เดินทางอย่างรวดเร็ว เพราะเดินหน้าหรือว่ายน้ำเต็มกำลังมุ่งตรงสู่เป้าหมายโดยไม่หยุดวันแล้ววันเล่า และต่อไปนี้คือวิธีที่น่าจะได้ผลดีที่สุด
ข้อแรก สำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการที่จะ"รวยแบบเร่งรีบ"ก็คือ ต้องเซฟหรือเก็บเงินจาก"น้ำพักน้ำแรง"เป็นเม็ดเงินมากที่สุด นั่นก็คือต้องหารายได้ให้มากที่สุดและจ่ายให้น้อยที่สุด การหารายได้นั้นถ้าคุณเป็นคนเก่งก็จะต้องพยายามทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อที่จะได้รับการโปรโมตได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น และอาจจะทำให้มีโอกาสย้ายงานไปในที่ที่ให้เงินเดือนสูงขึ้น เพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นและการย้ายงานคือหนทางในการที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าคุณมีศักยภาพที่จำกัด การหารายได้เสริมนอกเหนือจากงานในหน้าที่ก็เป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ ส่วนรายจ่ายนั้น ต้องพยายามอย่าให้เพิ่มเท่ากับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำได้แบบนี้ กระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก และนี่เป็นการเร่งความรวยโดยไม่มีความเสี่ยงเลย
ข้อสอง เมื่อมีกระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงแล้ว เราจะต้องนำมาลงทุนเพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีและที่ได้มาเพิ่มเติบโตขึ้น ถ้าเราไม่เร่งหรือเฉื่อยแฉะ เราก็เพียงแต่เก็บเงินสดไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคาร แต่ถ้าเราอยากรวยเร็วขึ้นและมีความเสี่ยงไม่สูงนัก เราก็อาจจะทำตามสูตรของนักการเงินทั่วไปที่ให้จัดสรรทรัพย์สินหรือทำ Assets Allocation แบ่งเงินบางส่วนลงทุนในหุ้น บางส่วนลงในพันธบัตร บางส่วนเป็นเงินฝาก และในบางส่วนอาจจะลงในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน่าจะทำให้เงินเติบโตได้ปีละประมาณ 6-7% แต่ถ้ารีบรวยมาก ผมแนะนำว่าให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ออมได้ลงทุนในหุ้นทั้งหมด วิธีนี้ในระยะสั้นก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเสี่ยงเพราะเราอาจจะขาดทุนได้ แต่ในระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะให้ผลตอบแทนสูงสุดประมาณเกือบ 10% ต่อปีโดยที่ความเสี่ยงจะน้อยกว่าที่คนทั่วไปคิดมาก
ข้อสาม หลังจากจัดสรรเงินลงทุนและเราได้สัดส่วนหรือเม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้นแล้ว ถ้าเราไม่ต้องการเร่งผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้นเพราะเราไม่อยากจะเสี่ยงเกินไป เราก็นำเงินนั้นไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงกับดัชนีตลาด แต่ถ้าเราต้องการที่จะเร่งความรวยจากหุ้นขึ้นมาให้เต็มกำลังโดยที่ความเสี่ยงนั้นยังเป็นที่ยอมรับได้ เราก็จะต้องเรียนรู้การลงทุนแบบ Value Investment หรือลงทุนแบบเต่าซื้อหุ้นเน้นคุณค่า โดยพอร์ตการลงทุนจะเป็นแบบโฟคัส นั่นคือ เราจะถือหุ้นน้อยตัว อาจจะมีหุ้นหลักๆ เพียง 5-6 ตัวที่คิดเป็นเงินถึง 3ใน 4 ของเงินทั้งหมดในพอร์ต ด้วยวิธีนี้ เราอาจจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากหุ้นขึ้นอีก 3-4% ต่อปี ซึ่งในระยะยาวแล้วจะทำให้เรารวยเร็วขึ้นมาก
เมื่อได้กำหนดแนวเส้นทางสู่ความร่ำรวยแล้ว ประเด็นสำคัญต่อมาก็คือ การเลือกว่าเราจะเดินหรือวิ่งในเลนไหน นั่นก็คือ ในข้อแรก ถ้าเราจะอยากเร่งเต็มที่ ก็หมายความว่า เราอาจจะต้องเสียสละความสุขสบายโดยเฉพาะทางด้านวัตถุไปพอสมควรเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสำหรับหลายคนก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก เพราะเขาอาจจะคิดว่า กว่าจะถึงวันที่รวย เขาก็ไม่มีแรงที่จะใช้เงินแล้ว ในข้อสองที่เป็นเรื่องของการลงทุนนั้น ถ้าจะเร่งเต็มที่ก็คือการลงทุนในหุ้น 100% นั้น เขาอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป เพราะหากเกิดวิกฤติเขาอาจจะหมดตัวได้ ที่สำคัญ เขาอาจจะเห็นว่าบ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นเกินกว่าที่จะรอให้ร่ำรวยก่อน และสุดท้ายก็คือ การลงทุนแบบโฟคัสและใช้แนวทางการลงทุนแบบ Value Investment นั้น แม้ว่าอาจจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากหากหุ้นที่ถือไว้น้อยตัวนั้นมีอันเป็นไป เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองมีความสามารถในการเลือกหุ้นเพียงพอหรือไม่ ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การเลือกเดินสายกลาง ๆ ไม่เร่งรีบรวยนัก น่าจะเป็นทางที่สมเหตุผลกว่า
          สำหรับหนุ่มสาวที่พร้อมและอยากลองเดินทางในถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เพื่อที่จะเร่งความรวยตามแนวทางที่ผมกล่าวไว้นั้น ผมเองเชื่อว่าโอกาสประสบความสำเร็จและทำให้เขาเป็นอิสระทางการเงินก่อนอายุ 50 ปีน่าจะมีอยู่ไม่น้อย และสำหรับคนที่มุ่งมั่นและมีความสามารถสูง โอกาสที่เขาจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็น่าจะไม่เกินเอื้อม เพราะเส้นทางสายนี้ แม้ว่าคนจำนวนมากอาจจะมองว่าเป็นเส้นทางวิบากและอันตราย แต่ถ้าเราไม่หวั่นไหวท้อถอยไปเสียก่อน เราก็จะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว มันคือเส้นทาง "สายไหม" ที่น่าท้าทาย น่ารื่นรมย์ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนคิดเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น